บทที่ 4 2.1 จางอวิ๋นซีคนใหม่

“ท่านย่าเข้าข้างนางหรือเจ้าคะ!” เป็นจางเซียวหรูที่โวยวายออกมาเสียงดัง สายตาของนางที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก

ไท่ฮูหยินมิได้ตอบคำถามของผู้เป็นหลานสาวอีกคน แต่ทว่าสายตาของนางกลับจดจ้องที่หลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูแทน

จางเซียวหรูหยิบผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยขึ้นมาชูต่อหน้าทุกคน “ผ้าไหมนี้เป็นของพระราชทานที่พระสนมเอกทรงประทานให้กับลูก ท่านย่าก็ทราบดีความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับองค์ชายใหญ่...”

“เจ้าเลิกฝันลมๆ แล้งๆ เรื่ององค์ชายใหญ่ได้เลย พวกเจ้าแม่ลูกคิดการอันใดอยู่คิดว่าข้าไม่รู้รึ?” คิ้วของไท่ฮูหยินขมวดเข้าหากันขณะที่จ้องสองแม่ลูกคู่นั้น

“ซีเอ๋อร์! เจ้าขโมยของของพี่สาวเจ้า ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หยางเต๋อเฟยพระราชทานให้กับนาง หากเจ้าไม่โขกศีรษะขออภัยต่อนาง ข้าจะสั่งโบยเจ้า!” จางเยี่ยนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของภรรยาเอกกับฮองเฮา หรือความสัมพันธ์ในฐานะบิดากับบุตรแต่อย่างใด เขารักและชื่นชมหลี่ฮูหยิน ภรรยาผู้เป็นรักเดียวและเป็นสตรีที่เขารักมาตลอด หาใช่ภรรยาเอกที่ถูกบังคับให้ตบแต่งด้วยไม่

จางฮูหยินขอร้องวิงวอนต่อสามีทั้งน้ำตา “นายท่าน นางก็เป็นบุตรีของ

ท่านคนนึงเช่นกัน ขอท่านอย่าให้นางทำเช่นนี้เลย ขอให้พิสูจน์หาความจริงกันก่อน”

จางเยี่ยนผลักจางฮูหยิน ภรรยาเอกของตนออกอย่างแรง ไท่ฮูหยินและบ่าวรับใช้คนสนิทต้องมาประคองร่างของฮูหยินเอกที่ถูกผลักจนล้ม

“ท่านแม่!” จางฮูหยินถูกผลักอย่างแรงจนกระอักโลหิตออกมา แม้จะเป็นโลหิตเพียงไม่กี่หยด แต่กลับสร้างความเจ็บปวดและความเสียใจให้กับนางผู้เป็นภรรยาเอกยิ่งนักที่ไม่สามารถปกป้องบุตรสาวจากความอัปยศครั้งนี้ได้

แม้ว่าไท่ฮูหยินจะพยายามเปลี่ยนใจหรือใช้อำนาจเท่าใด ก็ไม่อาจข่มจางเยี่ยนที่หลงใหลหลี่ฮูหยินจนแทบไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้ได้

จางอวิ๋นซีอยู่ในสถานะที่แม้แต่มารดานางก็ไม่อาจปกป้องได้ หลายครั้งนักที่นางถูกย่ำยีศักดิ์ศรี หลายครั้งนักที่นางกับมารดาถูกกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งนักที่นางอยากกราบทูลต่อองค์ฮองเฮาแต่นางก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยมารดาเคยร้องขอเอาไว้ว่าไม่ต้องการให้บิดาเดือดร้อน คงเป็นเพราะความใจดีของมารดากระมังที่ทำให้อีกฝ่ายข่มเหงรังแกพวกนางเช่นนี้

จางอวิ๋นซีไม่มีทางเลือกนอกจากยอมคุกเข่าต่อหน้าจางเซียวหรูและคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นเพื่อขออภัยต่ออีกฝ่าย นางยอมทำเพื่อมิให้มารดาต้องเจ็บตัวอีกต่อไป หากวันใดที่นางลุกขึ้นมาสู้ได้นางจะสู้อย่างไม่คิดสิ่งใด!

แม้ว่าไท่ฮูหยินพยายามร้องขอให้บุตรชายหยุดการกระทำเช่นนี้ แต่จางเยี่ยนกลับนิ่งเฉยนัก

“เจ้าจะนิ่งเฉยต่อนางไม่ได้นะอาเยี่ยน! องค์ไทเฮาทรงมีพระเสาวนีย์ให้เชิญนางเข้าวัง!” ไท่ฮูหยินกล่าวเสียงดังพร้อมกับพระราชสาสน์ในมือ ซึ่งประทับตราพระราชลัญจกรขององค์ไทเฮาเอาไว้อย่างชัดเจน

“ไทเฮาทรงเชิญซีเอ๋อร์ไปร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของพระนาง ซึ่งจัดงานล่องเรือชมบงกช หากเจ้าทำร้ายซีเอ๋อร์ รู้หรือไม่ว่าไทเฮากับฮองเฮาจะจัดการพวกเจ้าสถานใด และอาจลามไปทั้งสกุล เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นรึ?” ไท่ฮูหยินถามเสียงแข็ง

“ข้าได้ยินข่าวลือหนาหูนัก ว่าไทเฮาทรงหมายพระทัยจะจัดหาพระชายา

ให้กับท่านอ๋องแต่ละองค์ ข้าไปร่วมได้หรือไม่เจ้าคะท่านย่า” จางเซียวหรูถามขณะที่นัยน์ตาของนางลุกโตราวกับไข่ห่านด้วยความดีใจ งานวันพระราชสมภพของไทเฮานี้ เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงมากมายจะถูกเชิญเข้ามาร่วมงาน หนึ่งในนั้นต้องมีหานไท่หยาง ซึ่งเป็นพระราชโอรสในฮองเฮาและว่าที่องค์รัชทายาทด้วยเป็นแน่

จางเซียวหรูนางคิดอย่างดีใจ นางอยากเข้าวังอย่างจางอวิ๋นซีบ้าง แค่เพราะจางอวิ๋นซีมีศักดิ์เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางก็สามารถเข้าออกตำหนักฝ่ายในได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังเป็นนางรับใช้ที่ใกล้ชิดกับไทเฮา ทำให้ได้รับความโปรดปรานไม่น้อยเลย

หากนางสามารถใช้ความงามที่มี ทำให้องค์ชายรองอย่างหานไท่หยางหลงรักนางได้ ตำแหน่งพระชายารัชทายาทคงอยู่ไม่ไกลจากเอื้อมมือของนางแน่

“เจ้าคิดการอันใดกันลูกหญิง เห็นชัดๆ ว่าไทเฮาทรงต้องการให้น้องสาวของเจ้าไปเพียงเท่านั้น บุตรีฮูหยินรองอย่างเราจะได้เข้างานนี้ง่ายๆ หรือ?” เสียงของหลี่ฮูหยินแสร้งกล่าวด้วยความน้อยใจ จนจางเยี่ยนต้องกล่าวปลอบ

“อย่างไรเสียเจ้าเองก็เป็นฮูหยินของข้า ข้าต้องพาเจ้าไปด้วยอยู่แล้ว” จางเยี่ยนกล่าวกับหลี่ฮูหยินอย่างอ่อนโยน

หลี่ฮูหยินกับบุตรสาวยิ้มอย่างลำพองใจ

จางเซียวหรูกลับเรือนพร้อมกับมารดาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ นางคิดกังวลมากมายเกี่ยวกับงานวันพระราชสมภพของไทเฮาที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสามวัน อีกทั้งในช่วงนี้เมืองหลวงมีข่าวลือหนาหูยิ่งนักเกี่ยวกับการคัดเลือกพระชายาให้กับอ๋องแต่ละองค์ ซึ่งเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้หานทรงอวยพระยศขึ้นทั้งหมด รวมถึงองค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นโอรสพระสนมหยางเต๋อเฟยอีกด้วย

“ข้าไม่สบายใจเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ไทเฮากับฮองเฮาทรงโปรดปรานจาง อวิ๋นซีมาก หากนางถูกมอบสมรสพระราชทานให้กับอ๋องไท่หยางแล้วนั้น หากอนาคตอ๋องไท่หยางถูกสถาปนาเป็นรัชทายาท นางก็จะเป็นฮองเฮาน่ะสิเจ้าคะ! ข้าไม่ยอมๆ นะท่านแม่!” จางเซียวหรูโวยวาย นางอิจฉาริษยาจางอวิ๋นซียิ่งนัก อีกฝ่ายมีมารดาเป็นฮูหยินเอก แม้จะไม่ได้รับความโปรดปรานจากบิดา แต่ไท่ฮูหยินผู้เป็นย่าก็ยังเข้าข้างนางเสมอ อีกทั้งมารดายังมีศักดิ์เป็นน้องสาวของฮองเฮาอีก จะไม่ให้นางอิจฉาริษยาอีกฝ่ายได้อย่างไร แม้นางจะเพียรพยายามมากเท่าใดก็ไม่อาจมีได้เท่าอีกฝ่าย

“เจ้ามีความสามารถมากถึงเพียงนี้ สมรสพระราชทานถูกตัดสินโดยฝ่าบาท ทรงต้องมองการณ์ไกลอย่างลูกแม่เป็นแน่” หลี่ฮูหยินลูบหัวบุตรสาวอย่างปลอบประโลม แต่ทว่าลึกๆ แล้วในใจของนางก็หวั่นไหวอยู่เช่นกัน

“เหนือกว่าฝ่าบาทก็คือไทเฮา ไทเฮาทรงคุมได้ทั้งราชสำนัก เราต้องหาทางไม่ให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงนะเจ้าคะท่านแม่ ไม่เช่นนั้นฝันของข้าจะพังทลายหมด” จางเซียวหรูกล่าว

“หึ! แม่รับรองว่าแม่ต้องหาทางจัดการนางแน่!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป